1.ค่าของ Cardiac output และความต้านทานรวมของหลอดเลือดอย่างใดอย่างหนึ่งสูงกว่าปกติ
2.ระดับ Renin ในเลือดสูง มีผลให้ Angiotensin II สูง
3.การเพิ่มการหลั่งของ Aldosterone
4.การทำหน้าที่ของระบบประสาทซิมพาเทติคมากกว่าปกติ
5.ความเครัยดทางจิตใจที่เป็นระยะเวลานาน
6.การบริโภคอาหารที่มีเกลือมาก
7.การขาดสารอาหารที่ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว(vasodilator) เช่น prostaglandins kinins เป็นต้น
8.ภาวะของโรคที่มีผลกระทบทำให้เกิดการทำหน้าที่ของระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ
9.แบบแผนการดำรงชีวิตไม่เหมาะสมในเรื่องการรับประทานอาหาร การสูบบุหรี่ เป็นต้น
อาการและอาการแสดง
ระยะแรกของโรคอาจไม่มีอาการและอาการแสดงเลย ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อเริ่มมีอาการแล้ว ซึ่งหมายถึงว่าอวัยวะที่สำคัญได้ถูกทำลายไปแล้ว ฉะนั้นโรคนี้จึงถูกเรียกว่าเป็นฆาตรกรเงียบ(silent killer) สำหรับอาการแรกเริ่มที่พบคือ ปวดศีรษะเนื่องจากมีการขยายตัวของหลอดเลือดอย่างมากซึ่งผู้ป่วยมักรู้สึกหลังตื่นนอน และเป็นบริเวณท้ายทอย มีเลือดกำเดาออก อาจมีอาการสับสน งุนงง คลื่นไส้ อาเจียน อาการเหล่านี้เป็นอาการเตือนซึ่งควรจะได้รับการรักษา ถ้าความดันโลหิตสูงเป็นเวลานานๆจะมีผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกายได้ ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญได้แก่
1. ผลต่อหัวใจและหลอดเลือด ส่งเสริมให้ผนังหลอดเลือดแข็งและหนาตัว และเร่งให้มีการเกาะของสารไขมันที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดขาดความยืดหยุ่น หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น มีผลให้เกิด
-หัวใจโต
-กล้ามเนื้อหัวใจตายและมีอาการเจ็บหน้าอกสาเหตุจากเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลง
-หัวใจข้างซ้ายล้มเหลว เกิดขึ้นภายหลังจากแรงต้านทานของหลอดเลือดสูงนานๆทำให้กล้ามเนื้อหัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น และมีความต้องการใช้ออกชิเจนเพิ่มขึ้น
-Dissecting aortic aneurysm ผลจากการที่มีความดันโลหิตสูงนานๆจะไปทำลายผนังหลอดเลือด Aorta และเกิดภาวะโป่งพองตามมา
2. ผลต่อสมอง ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอุดตันหรือแตกได้ ทำให้เกิด
-Strokes ซึ่งมีกลไกการเกิดจาก
1. Multiple microaneurysms มีการโป่งพองของหลอดเลือดทั่วๆไปในสมองและทำให้มีการแตกของหลอดเลือดในสมองได้
2. สมองขาดเลือดไปเลี้ยงชั่วคราวหรือเชลล์สมองตาย ( Transient Ischemic attacks or Cerebral Infarction) ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการแข็งตัวของหลอดเลือด
-Hypertensive Encephalopathy พบว่าความดันของหลอดเลือดแดงจะสูงขึ้นชั่วคราว ทำให้มีอาการสับสน ชัก และหมดสติ
3.ผลต่อไต
- เกิดภาวะไตวายซึ่งเป็นผลมาจากมีการตีบแข็งของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไตและหลอดเลือดแดงฝอยที่ไปเลี้ยงไตมีการตายเฉพาะที่
4.ผลต่อตา
- มีการเปลี่ยนแปลงของจอภาพนัยน์ตา หลอดเลือดแดงที่เรตินาจะมีการตีบตัวลง ถ้าเป็นมากๆพบว่าหลอดเลือดจะหดตัวเกล็งมีการบวมและเลือดออก และถ้ารุนแรงที่สุดก็จะมีการบวมบริเวณ Optic disk (papilledema) ทำให้สูญเสียการมองได้
แหล่งที่มา อ.นุชนาท ประมาคะเต. เอกสารประกอบการสอนวิชา พยาธิสรีรวิทยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น